Flower Power Dresses

แบ่งปัน

นาทีนี้เดรสลายดอกกำลังมาแรงสุดๆค่ะ เห็นได้จากบรรดาเซเลบในวงการฮอลีวู้ดพร้อมใจกันใส่เดรสลายดอกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว ลายดอกเล็ก ดอกใหญ่ หรือตกแต่งลายดอกแค่เพียงบางส่วน ตอนนี้ดอกไม้ก็ปลิวว่อนไปทั่ววงการแฟชั่นแล้ว และมีทีท่าว่าจะฮิตไปจนถึงหน้าหนาวเลยนะ

ข้อดีของเดรสลายดอกก็คือ สามารถปรับเปลี่ยนลุคให้ใส่ได้ตั้งแต่เดินเล่นสบายๆในวันหยุด ไปปาร์ตี้ หรือจะใส่ออกงานก็ได้ เพียงแค่เลือก accessories มาเพิ่มเติมเท่านั้นเอง อย่างเช่น เข็มขัดเส้นใหญ่ รองเท้าสีสันสดใส หรือคลัชท์หรูๆซักใบ เพียงแต่ต้องเลือกให้เป็นสีและแบบเรียบๆเข้าไว้ เดี๋ยวจะกลายเป็นแข่งกันเด่นกับเดรส

  

สังเกตดูดีๆ ตอนนี้เซเลบบ้านเราก็เริ่มใส่เดรสลายดอกให้เห็นกันมากขึ้น และจะมีแจคเกตยีนส์เป็นไอเท็มเด่นที่ต้องใส่กันทุกคน (เหมือนอย่างที่ Nicole Richie ใส่ในรูปสุดท้าย) ก็เพราะตอนนี้แจคเกตยีนส์ก็กลับมาอินอีกแล้ว…

 

ภาพประกอบ people, musicfameandfashion, denimology

How to Fix Broken Beauty Items

แบ่งปัน

สาวๆหลายคนต้องเคยประสบปัญหาเมคอัพชำรุดเสียหายแน่ๆ เช่น แป้งอัดแข็งตกพื้นแตกกระจาย จะทิ้งไปซะก็คงไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดี เพราะมูลค่าแต่ละชิ้นก็ไม่ได้น้อยๆเลย แถมยุคนี้ควรจะต้องใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่าด้วย จริงมั๊ยคะ?

ปัญหาเหล่านี้มีทางออกค่ะ ไม่จำเป็นต้องทนใช้เมคอัพที่สภาพไม่สวยงามอีกต่อไป

เมคอัพแบบตลับแตก เช่น แป้งอัดแข็ง บรัชออน อายแชโดว์
ก่อนอื่นให้สำรวจสภาพของเมคอัพก่อน หากแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อย วิธีที่ดีที่สุดคือ… บดเป็นผงให้ละเอียด หาแพคเกจสวยๆสำหรับบรรจุเมคอัพแบบผงมาใช้ และก็ใช้เป็นเมคอัพแบบผงไปเลย

แต่หากว่าเมคอัพแตกเป็นชิ้นใหญ่ หรือมีรอยร้าว ให้หยดแอลกอฮอล์เช็ดแผลลงไประหว่างรอยแตก เพื่อช่วยให้เนื้อเมคอัพกลับมาประสานกันดีอย่างเดิม ปล่อยไว้ให้แห้งก่อนนำมาใช้

กันไว้ดีกว่าแก้… สาวๆที่เผลอทำตลับเมคอัพตกบ่อยๆ ลองหาสำลีแผ่นมาวางในตลับ เพื่อช่วยลดแรงกระแทกเวลาตลับเมคอัพตก หรือโดนกระแทกอย่างรุนแรง

ลิปสติกหัก
เนื่องจากส่วนประกอบหลักของลิปสติกมีผลทำให้เนื้อลิปสติกอ่อนนุ่ม เมื่อทิ้งไว้ในที่อุณหภูมิสูง ก็มีโอกาสที่จะละลายหรือเยิ้ม และทำให้รูปร่างของลิปสติกเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ไม่ต้องทำอะไรมาก ปล่อยให้ลิปสติกยังอยู่ในแพคเกจเหมือนเดิม และใช้พู่กันทาปาก หรือหากรับสภาพนี้ไม่ได้ ก็เอาเนื้อลิปสติกออกมาใส่ตลับที่เป็นช่องๆสำหรับลิปสติกซะ เทคนิคในการทำให้เกลี่ยลิปสติกให้เต็มช่องอย่างเนียนๆก็คือ ใช้ไดร์เป่าผมให้ความร้อน

ขวดสเปรย์อุดตัน
ปัญหาที่พบบ่อยคงหนีไม่พ้น หัวสเปรย์อุดตัน ซึ่งทำให้กลับสู่สภาพเดิมโดยล้างด้วยน้ำอุ่น และซับให้แห้ง หรือใช้ปลายเข็มเล็กๆเขียนสิ่งอุดตันที่เห็นอยู่ตรงหัวฉีด

กันไว้ดีกว่าแก้… ถ้าไม่อยากให้หัวสเปรย์อุดตันอยู่บ่อยๆ หลังจากใช้ทุกครั้ง ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและซับให้แห้ง เก็บขวดสเปรย์ไว้ในที่แห้งและเย็น หากคุณใช้ไม่บ่อย แนะนำให้ซื้อแบบขวดเล็กๆจะดีกว่าค่ะ

ขวดปั๊มปั๊มไม่ออก
ปัญหาเดียวกันกับขวดสเปรย์เลยค่ะ เพราะเนื้อโลชั่นที่เหนียวอาจจะแข็งตัวและอุดตันตรงบริเวณหัวปั๊มได้ ให้ล้างหัวปั๊มด้วยน้ำร้อน แคะเศษโลชั่นที่ติดอยู่ด้วยไม้จิ้มฟันหรือเข็ม หากทำแล้วยังไม่สามารถปั๊มโลชั่นออกมาได้ ต้องเปลี่ยนหัวปั๊มแล้วค่ะถ้าสามารถหาหัวปั๊มที่พอดีกับขวดเดิมได้

กันไว้ดีกว่าแก้… เช็ดคราบโลชั่นที่ติดอยู่ตรงปลายหัวปั๊มออกให้หมดทุกครั้งที่ใช้ด้วยสำลี

เปิดฝาขวดสีทาเล็บไม่ได้
บางครั้งสีทาเล็บแห้งกรังอยู่ด้านในขวด ทำยังไงๆก็เปิดขวดไม่ได้ เบื้องต้นให้หาหนังยางแบบที่รัดถุงกับข้าวมาพันรอบๆฝาขวดแล้วออกแรงหมุน จะช่วยให้หมุนได้ง่ายขึ้นค่ะ แต่ถ้าวิธีนี้ยังไม่เวิร์ค ใช้น้ำร้อนไหลผ่านสักครู่ และลองหมุนเปิดฝาขวดด้วยวิธีแรกอีกครั้ง

กันไว้ดีกว่าแก้… ทาเล็บเสร็จแล้ว ก่อนจะปิดฝาขวดสีทาเล็บ ให้ใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บเล็กน้อย เช็ดรอบปากขวดที่เป็นเกลียวก่อนจะปิดฝาขวดค่ะ

ข้อมูล Real Simple

Fragrance Gift Sets

แบ่งปัน

ชุดของขวัญเซ็ทน้ำหอมสุดหรู ในราคาคุ้มค่าเป็นพิเศษ จัดส่งฟรีทั่วโลก รับชำระบัตรเครดิต หรือ Paypal ค่ะ

Miss Dior Cherie Fragrance Gift Box

ชวนให้นึกถึงภาพของเด็กสาวที่ซุกซน เป็นตัวของตัวเองแต่คลาสสิกอ่อนหวานจับใจ   กลิ่นผสมกันของส้มจีนเขียวและเชอร์เบทสตรอเบอร์รี่ป่า

ในกล่องประกอบด้วย :
- Miss Dior Cherie Eau de Parfum 0.17oz / 5ml
- Miss Dior Cherie Moisturizing Perfumed Shower Gel 0.67oz / 20ml
- Miss Dior Cherie Perfumed Body Moisturizer 0.67oz / 20ml

ราคา 664 บาท / US 19.00
* ราคาเงินบาท อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน

 

Hermes 24 Faubourg Fragrance Gift Box

น้ำหอมแห่งความหรูหรา ด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องหนังและผ้าพันคอที่นุ่มนวลและมีระดับ กลิ่นหอมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของดอกส้ม ylang ylang มะลิ ดอกไอริส อำพัน และวานิลลา

ในกล่องประกอบด้วย :

• - 24 Faubourg Eau de Toilette 0.25oz / 7.5ml
• - 24 Faubourg Perfumed Body Lotion 1.35oz / 40ml

ราคา 664 บาท / US 19.00
* ราคาเงินบาท อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน

 

Kelly Caleche Fragrance Gift Box

น้ำหอมที่ให้กลิ่นหอม สะอาดและอบอุ่น จากการผสานด้วยกลิ่นของส้ม ลูกท้อ และเมล็ดพันธุ์ไม้ เหมาะกับคุณผู้ชายที่ดูอบอุ่นโดยแท้

- Kelly Caleche Eau de Toilette 0.25oz / 7.5ml
- Kelly Caleche Perfumed Body Lotion 1.35oz / 40ml

ราคา 664 บาท / US 19.00 
* ราคาเงินบาท อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน

 

 

  
สมัครจดหมายข่าวเพื่ออัพเดตรายการสินค้าราคาพิเศษได้ก่อนใคร
Subscribe to BiJin = BeaUtifUl GiRL by Email

สินค้าทั้งหมดจัดจำหน่ายโดย

Review : Maybelline Volum’ Express Hypercurl Cateyes

แบ่งปัน

“ มาสคาร่าเพื่อขนตาหนาเป็นแพ 5 เท่า และโค้งงอน 75 องศา ยาวนาน 18 ชั่วโมง ด้วยสูตร Curl Lock Formula ทำให้ขนตาคงความโค้งงอน ได้ยาวนานยิ่งขึ้น”

หลังจากเพิ่งไปถอยมาใหม่ และทดสอบประสิทธิภาพของมาสคาร่าตัวนี้มาได้หลายครั้งแล้ว มาดูกันว่าจะเป็นดั่งคำโฆษณารึเปล่า?… ก่อนอื่นขอชี้แจงสภาพขนตาของเราซะก่อน ขนตาสั้นและบาง แถมยังชี้ลงข้างล่าง ทำให้ดัดยากมากมาย เวลาดัดต้องให้ชิดโคนจริงๆถึงจะเด้งได้ยาวนาน ซึ่งก่อนปัดมาสคาร่าก็จะต้องดัดขนตาก่อนทุกครั้ง

แปรงปัดมาสคาร่าเป็นแบบใหม่จริงๆ ที่เราเพิ่งจะเคยเห็น คือ ลักษณะคล้ายหวีซี่ๆ 2 แถวทำมุมเป็นรูปตัววี (V) ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้ปัดง่ายขึ้นแต่อย่างใด ยิ่งขนตาตรงปลายหางตาปัดยากมาก ทั้งๆที่มาสคาร่ารุ่นนี้เน้นให้ปัดตรงปลายหางตาให้หนากว่าหัวตาเพื่อความกลมโตของดวงตามากขึ้น แต่แปรงแบบนี้น่าจะมีส่วนช่วยในเรื่องของความหนา เนื่องจากช่องระหว่างซี่แปรงค่อนข้างกว้างกว่าแปรงปัดอื่นๆ เมื่อปัดออกมาแล้วก็ดูหนาขึ้นมากจริงๆ และเนื่องจากสภาพขนตาของเราที่บางมาก ทำให้ดูเป็นก้อนๆไม่เป็นธรรมชาติ ต้องใช้แปรงสางออก (มี tips ด้านล่างค่ะ) สำหรับสาวๆที่ขนตาหนาน่าจะปัดออกมาได้สวยเลยแหละ เรื่องความยาวหายห่วง ปัดแล้วต่อให้ขนตายาวขึ้นได้จริงๆ แต่มันก็จะมีหลุดร่วงเป็นเกล็ดๆอยู่บ้างตามกาลเวลา ที่ถูกใจมากๆก็คือ ช่วยให้ขนตาเด้งได้ตลอดวันแม้ว่าจะไม่ได้ปัดจนชิดโคนขนตาก็ตาม อันนี้เทียบกับมาสคาร่ามาจอลิก้าที่ต้องปัดให้ชิดโคนขนตาจริงๆ ไม่งั้นบ่ายๆมาก็จะเริ่มตกกลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งหลายครั้งเลยที่เราทำแปรงปัดทิ่มตาตัวเอง –“- 

สิ่งหนึ่งที่ Volum’ Express Hypercurl Mascara ต่างจากมาสคาร่าเพิ่มความหนาบางอัน ก็คือ ไม่รู้สึกหนักตา และไม่มีอาการเคืองตา

มาถึงกระบวนการทำความสะอาด ต้องบอกว่ากันน้ำ กันเหงื่อได้เยี่ยมยอด ตอนทำความสะอาดก็เลยใช้เวลานาน เพราะแปะ eye makeup remover ไว้แล้วก็ยังหลุดออกไม่หมด ต้องเช็ดซ้ำอีกหลายรอบ (eye remover ที่ใช้ คือ L’occitane Immortelle Eye Make-up Remover ที่แปะมาสคาร่ากันน้ำอื่นๆก็หลุดออกมาได้เกลี้ยงแล้ว) และอาจจะต้องเพิ่มการทำความสะอาดตามซอกหัวตาและหางตาด้วยคัตตอนบัดชุบ eye makeup remover ตบท้ายอีกที

Tips สำหรับแปรงสางขนตาค่ะ … มาสคาร่าที่ใช้หมดแล้ว อย่าเพิ่งทิ้ง!!! ให้เก็บส่วนด้ามแปรงมาล้างทำความสะอาด เพื่อเอาไว้ใช้ปัดสางขนตาให้ดูเนี๊ยบอีกรอบหลังจากปัดมาสคาร่าตามปกติ เพื่อช่วยกำจัดมาสคาร่าส่วนเกินที่ทำให้ขนตาจับเป็นก้อน จะได้มีขนตาเรียงเป็นแพสวยงามไงคะ

Warning : 14 สารเคมีที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง

แบ่งปัน

น่าตกใจที่พบว่าผู้หญิงเราซึมซับสารเคมีผ่านจากเครื่องสำอางที่ใช้ทุกชนิด เฉลี่ยรวมปีละเกือบ 2 กิโลกรัม อันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเก็บสารพิษตกค้างไว้ในร่างกาย เมื่อไม่สามารถกำจัดออกได้ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยนานาประการได้ในอนาคต ...และนั่นคือเหตุผลสำคัญ ที่เราควรจริงจังกับการเลือกสรรเครื่องสำอางให้มากขึ้นเสียที 
 
เพื่อให้เราเลือกใช้เครื่องสำอางได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จึงอยากชวนให้สาวๆมาศึกษาสารเคมีที่พบในเครื่องสำอางกันดีกว่าค่ะ ถึงแม้ว่าสารเคมีเหล่านี้จะผสมในปริมาณที่ปลอดภัย แต่ขึ้นชื่อว่าสารเคมีแล้วละก็ หากสาวๆหลีกเลี่ยงได้หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางที่มีสารเคมีเหล่านี้ทั้งชนิดและปริมาณน้อยที่สุดก็จะเป็นการดีต่อสุขภาพในระยะยาวค่ะ

1. Mineral Oil (Petrolatum)
เป็นสารที่แยกได้จากการสกัดน้ำมันปิโตรเลียม มักถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอางจำพวกเบบี้ ออยล์ และเครื่องสำอางประเภทมอยเจอร์ไรเซอร์ ทำหน้าที่ในการเก็บรักษาความชุ่มชื่นให้กับผิว เเต่ด้วยเพราะเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่จึงอาจเกิดการตกค้างที่ผิว เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาผิว อาทิ ปัญหาสิวอุดตัน รูขุมขนอุดตัน ผิวหนังอักเสบ ฯลฯ

2. Propylene Glycol
ใช้เพื่อป้องกันการจับตัวกันเป็นของแข็ง ในภาคอุตสาหกรรมถูกนำไปใช้ในการทำละลาย อาทิ สีและพลาสติก และถูกนำมาใช้กับเครื่องสำอางในกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ ทำหน้าที่เก็บรักษาความชุ่มชื่นในเครื่องสำอาง ซึ่งหากใช้ในปริมาณน้อยจะไม่เป็นอันตรายหรืออาจระคายเคือง แต่หากสะสมในปริมาณมาก อาจทำให้มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และมีเเนวโน้มเป็นสารตั้งต้นสารก่อมะเร็ง

3. Triethanolamine (TEA)
พบมากในเครื่องสำอางจำพวกบอดี้ โลชั่น แชมพู โฟมโกนหนวด และครีมบำรุงรอบดวงตา กับหน้าที่ในการปรับค่า pH ไม่ให้เป็นกรด-ด่าง มากเกินไป ซึ่งหากร่างกายได้รับในปริมาณน้อยก็อาจไม่เกิดอันตราย แต่หากสะสมในปริมาณมาก อาจทำให้ผิวระคายเคือง อย่างไรก็ดี สตรีมีครรภ์ควรเลี่ยง เพราะเป็นสารเคมีที่มีผลต่อทารกในครรภ์ในช่วงพัฒนาการทางสมอง

4. IPM (Isopropyl Myristate)
ใช้กันมากในวงการเครื่องสำอาง กับคุณสมบัติในการเคลือบผิวเพื่อเก็บรักษาความชุ่มชื่น อย่างไรก็ดีจากการทดลองในสัตว์ พบว่า สารเคมีชนิดนี้ทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน ซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคืองและอาจทำให้เกิดปัญหาทางผิวหนังได้

5. Polyethylene
สารเคมีชนิดนี้ถูกพบมากในเครื่องสำอางจำพวกสครับ เนื่องจากเป็นพลาสติกที่ลื่นมัน ยืดหยุ่นดี จึงใช้ทำหน้าที่เป็นเม็ดสครับผิวได้ แต่เนื่องจากเป็นสารเคมีจำพวกพลาสติก จึงถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมในของใช้ต่างๆอาทิ ขวดใส่สารเคมี ขวดใส่น้ำ บรรจุภัณฑ์ ฉนวนไฟฟ้า หรือแม้แต่เก้าอี้ ซึ่งแม้จะไม่สามารถซึมผ่านสู่ผิวหนังได้ แต่ก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวและไม่เป็นมิตรกับร่างกาย

6. Imidazolidinyl and Diazoliddinyl Urea
สารกันเสียชนิดนี้ถูกนำมาใช้ทั่วไปในกลุ่มเครื่องสำอางกับหน้าที่ในการกำจัดแบคทีเรียหรือจุลชีพต่างๆ แต่ด้วยการสลายตัวที่ทำให้เกิดสารฟอมาลดีไฮด์ (Formaldehyde) จึงทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและระบบหายใจได้ ซึ่งพิษสะสมอาจทำให้การทำงานของเซลล์ร่างกายผิดปกติ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง

7. Paraben
สารกันเสียที่นิยมใช้อย่างมากในกลุ่มเครื่องสำอางจำพวกผิวหนังและเส้นผม รวมถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเพราะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แต่เนื่องจากเป็นสารเคมีที่พบในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่ง่ายต่อการสะสมในร่างกาย หลายองค์กรจึงรณรงค์ให้เลี่ยงการใช้พาราเบนที่พบว่าเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ และอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม

8. SLES (Sodium Laureth Sulfate)
นิยมเติมลงในเครื่องสำอางจำพวกแชมพู หรือเจลอาบน้ำเพื่อทำให้เกิดฟองและลดแรงตึงผิว สามารถพบได้ในแชมพูเกือบทุกประเภท ด้วยผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถกำจัดไขมันออกจากผิวและผมอย่างหมดจด แต่แท้จริงแล้ว สารลดแรงตึงชนิดนี้มีส่วนเสียคือ มีฤทธิ์ทำให้กระบวนการป้องกันผิวและเส้นผมตามธรรมชาติอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการระคายเคือง และหากกระบวนการผลิตมีการปนเปื้อนก็อาจเป็นสารก่อมะเร็งได้

9. Artificial Color
มีเครื่องสำอางจำนวนไม่น้อยที่ใช้สีในการเติมแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงาม น่าใช้ บางชนิดเป็นสารเคมีสังเคราะห์ และบางชนิดเป็นสีที่ใช้ในอาหาร (Food grade - ซึ่งค่อนข้างมีความปลอดภัย) อย่างไรก็ดี ย่อมเป็นการปลอดภัยกว่าในการงดการใช้สีที่มาจากการสังเคราะห์ทุกประเภท เนื่องจากอาจมีสารหนัก รวมทั้งสารหนูและสารตะกั่ว อันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง

10. Silicone 
ซิลิโคนมีลักษณะคล้ายยาง มีความยืดหยุ่นสูงและมีอยู่หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับประเภทใช้งาน แต่ถูกนำมาใช้ในวงการความงามอย่างแพร่หลาย โดยในเครื่องสำอางนั้น มักถูกนำมาใช้กับครีมนวดผมเพื่อให้รู้สึกนุ่มลื่น ช่วยเคลือบเส้นผมให้ดูเงางาม นุ่มสลวย แต่อาจเกิดการสะสมในตับและต่อมน้ำเหลืองหากใช้ในปริมาณมาก ซึ่งสามารถเป็นตัวเร่งการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้ 

11. Petroleum Derivative
สารเคมีที่ได้มาจากการแยกน้ำมันปิโตรเลียม มักถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายประเภท อาทิ ครีมรองพื้น ครีมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว เพื่อทำหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื่นผิวโดยการเคลือบผิวไว้ แต่ด้วยความที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และผ่านกรรมวิธีทางเคมี จึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อุดตันผิว และเกิดสิวได้ และหากเก็บกักสะสม อาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของผิว และทำให้ฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันในเพศหญิงอ่อนแอ

12. Synthetic Polymer
โพลิเมอร์มีสารตั้งต้นจากพลาสติกที่ผ่านกระบวนการทางเคมีให้มีความเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น นิยมนำมาทำบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมทั้งเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง อาทิ ครีมนวดผม หรือเจลแต่งทรงผม ทำหน้าที่หลากหลายขึ้นอยู่กับการใช้งาน อาทิ การเพิ่มเนื้อสัมผัส การเคลือบผิว หรือการเก็บรักษาความชุ่มชื่น อย่างไรก็ตาม มีสารโพลิเมอร์บางชนิดสามารถหาได้จากพืช อาทิ มันสำปะหลัง ข้าวโพด และมะพร้าว ซึ่งเป็นมิตรกับธรรมชาติและเหมาะสมกับร่างกายของเรามากกว่า

13. PEG (Polyethylene Glycol)
สารเคมีสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนสารเพิ่มความชุ่มชื่น มักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามจำพวกทำความสะอาดและบำรุงผิว โดยสถาบันเผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัตถุในสหรัฐอเมริกา (III) ได้ออกคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีชนิดนี้ เพราะระคายเคืองต่อผิวสูง และอาจเป็นสาเหตุของความผิดปกติในตับและไต และอาจเกิดการปนเปื้อนจากการผลิตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับและจมูก 

14. Quats
สารชะล้างที่มักนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ขัดล้างต่างๆ อาทิ น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาขัดพื้น และ ด้วยความที่เป็นสารเคมีรุนแรง จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวเกิดผดผื่น แพ้ และทำลายระบบทางเดินหายใจหากใช้นำมาใช้กับเครื่องสำอางจำพวกแชมพู หรือเจลอาบน้ำทั้งหลาย เพื่อให้รู้สึกถึงการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนปริมาณสูงและใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

เห็นมั๊ยคะว่ามีหลายตัวเลยที่เราพบในฉลากเครื่องสำอาง ครั้งต่อไปอย่าลืมศึกษาฉลากส่วนผสมซักเล็กน้อยก่อนเลือกซื้อ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงกับสารเคมีเหล่านี้ หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมหลักมาจากธรรมชาติ ก็จะช่วยลดการสะสมของสารเคมีในร่างกายได้มากขึ้นค่ะ

แบ่งปัน

อ้างอิง Sabai-arom

เทรนด์ล่าสุดของ Smoky Eyes

แบ่งปัน

สาวๆที่ชื่นชอบการแต่งตาแบบสโมคกี้อายส์ อยากบอกว่าสีม่วงกำลังอินในเวลานี้จริงๆจ๊ะ ยืนยันได้จากแบรนด์ทั้งหลายที่ออกคอลเลคชั่น Fall 2009  ล้วนมีสีม่วงเป็นไอเท็มหลักที่เมคอัพอาร์ตทิสเลือกใช้ ยกตัวอย่างเช่น คอลเลคชั่น Fall 2009 จาก Nars ที่ได้เคยเอามาให้ดูกันก่อนหน้านี้

ส่วน Cle de Peau Beauty ก็ใช้สีม่วงในลุค Modern Elegant ในคอลเลคชั่น Heritage Timeless Treasures ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันและประกายแวววาวของอัญมณีและแพรพรรณอันล้ำค่า

ล่าสุดสไตล์ Ultra Violet จาก Makeup Forever ที่ใช้สีม่วงแต่งออกมาได้เปรี้ยวสุดๆ ตั้งแต่คิ้ว ตา ไปจนถึงปาก 

 

 

เก็บเทคนิคการแต่งตาแบบสโมคกี้อายส์มาให้สาวๆได้ลองแต่งกัน เริ่มจากจุ่มปลายพู่กันที่เปียกหมาดๆ ลงในอายแชโดว์สีเข้มสุด แล้ววาดเป็นเส้นตามแนวขนตาบน

- ก่อนที่อายแชโดว์จะแห้ง ก็มองขึ้นข้างบนแล้วกะพริบตา วิธีนี้จะทำให้เกิดคราบสีบนเปลือกตา ซึ่งคุณควรทาอายแชโดว์สีกลางๆ ให้ถึงแนวนี้
- ทาอายแชโดว์สีอ่อนสุดเหนือรอยพับบนเปลือกตา และเรื่อยไปจนถึงโหนกคิ้ว
- ทาอายแชโดว์สีเหลือบมุกลงบนบริเวณหัวตา เพื่อทำให้ดวงตาดูโตขึ้น
- จบด้วยการใช้ดินสอเขียนตาวาดขอบตา แล้วใช้นิ้วหรือก้านสำลีเกลี่ยให้ดูนุ่มนวล

• แถมท้ายด้วยวีดีโอ How-to จาก Youtube มาให้ดูกันด้วยจ๊ะ

ข้อมูลและภาพประกอบ MSN, Lisaguru

Review: Skinfood White Grape Fresh Light Pact

แบ่งปัน

ในยุคที่อะไรๆก็เกาหลี Skinfood ก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่โด่งดังภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว สำหรับแป้งองุ่นสุดฮิตของสาวๆ เป็นแป้งอัดแข็งที่ไม่ผสมรองพื้น เนื้อละเอียดและบางเบา ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอและกระจ่างใส มีให้เลือก 2 เฉดสี No.21 Skin Beige สำหรับผิวขาว และ No.23 Natural Beige สำหรับผิวสองสี สำหรับผิวสาวไทย แนะนำให้ใช้ No.23 ที่ถึงแม้จะผลิตมาเพื่อสาวผิวสองสี แต่หากทาแป้งมากเกินไป ก็มีสิทธิหน้าลอยได้ง่ายๆ ต้องค่อยๆทาโดยอาศัยแสงธรรมชาติเข้าช่วย เพื่อให้หน้าดูเนียนแบบธรรมชาติมากที่สุด

แป้งตัว นี้เหมาะกับสาวๆที่ผิวสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำมากนัก สามารถลงเบสและทาแป้งได้เลย หรือจะทาแค่แป้งเฉยๆก็สามารถอำพรางจุดบกพร่องได้อยู่ บ้าง เพราะด้วยเนื้อแป้งที่ละเอียดช่วยทำให้หน้าเนียนใสขึ้นมาก น่าจะถูกใจสาวๆที่ไม่ชอบใช้เบส รองพื้น หรือสาวที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่สามารถใช้แป้งผสมรองพื้นได้ หมดกังวลเรื่องปัญหาสิวอุดตันจากรองพื้นไปได้เลย

ตลับแป้งเป็นพลาสติกขนาดค่อนข้างใหญ่และหนา ดีไซน์น่าจะถูกใจวัยรุ่นและสาวๆที่นิยมเทรนด์เกาหลี แต่สำหรับสาวที่นิยมความเรียบหรูอาจจะไม่ถูกใจตลับแป้งตัวนี้นัก ด้านในมีถาดรองพัฟไว้กั้นระหว่างแป้งกับพัฟ ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะจะทำให้พัฟไม่ต้องสัมผัสกับแป้งที่อาจเป็นแหล่ง สะสมของเชื้อโรค

จากที่ได้ลองใช้มาระยะหนึ่ง ผลคือ ควบคุมความมันได้บ้าง หน้ามันน้อยลง แต่พอหน้าเริ่มมันจะทำให้หน้าหมองคล้ำขึ้น ต้องซับมันและเติมแป้งใหม่ ชอบที่เนื้อแป้งละเอียด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ พัฟที่ให้มาก็ทาแป้งได้เรียบเนียนดี แต่คงจะต้องทำความสะอาดพัฟบ่อยๆ เพราะแป้งติดพัฟเร็วมาก สำหรับราคา เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพและความพอใจจากการใช้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

Must Have Items

แบ่งปัน

ไอเท็มที่ไม่ควรพลาด ทยอยอัพเดตไปเรื่อยๆจาก Must Have Item ในหน้าแรกค่ะ

 

TOKAIDO EXPRESS
ใหม่ล่าสุดจาก NARS ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วง 2009 ด้วยสีม่วงอเมทิสประกายดำผสมด้วยละอองสีทองละเอียด ให้ความทันสมัยแต่งามสง่า เหมาะกับสาวๆที่ชอบทาเล็บสีดำ ลองเปลี่ยนมาใช้สีนี้ดูบ้างก็เข้าท่าดีนะ

Why must I have? : สีม่วงกำลังมาแรงสุดๆสำหรับ Fall 2009 ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพ smoky eye ที่ว่ายังอินอยู่ ยังเปลี่ยนเทรนด์จากสีดำไปเป็นสีม่วงเลย

 

 

Marc Jacobs Daisy Solid Perfume Necklace
น้ำหอมที่ได้แรงบันดาลจากสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา เปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งความสดใส มาในรูปแบบ solid perfume ที่สามารถเติมความหอมได้ทุกที่ที่ต้องการ ออกแบบโดย Marc Jacobs

Why must I have? : Marc Jacobs ออกแบบได้เก๋ไก๋ซะขนาดนี้ เห็นแล้วไม่อยากได้ไว้สะสมเชียวหรือ

 

 

Tri-Aktiline™
ครีมเติมเต็มริ้วรอยลึกที่กำลังเป็นที่กล่าวขานในขณะนี้ ช่วยให้ริ้วรอยแลดูตื้นขึ้นในทันที เติมเต็มริ้วรอยได้ทันใจสุดๆ และริ้วรอยจะตื้นขึ้นได้จริงหากใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ครีมตัวนี้ไม่ได้ใช้ทาทั้งหน้านะคะ สำหรับแก้ปัญหาเฉพาะจุดแบบที่ว่าไว้ ค่อยๆแต้มและแตะๆให้ซึมลงไปในร่องลึกของผิว หากจะใช้ก่อนแต่งหน้า ให้ทาครีมกันแดดให้เรียบร้อยก่อนที่ใช้ครีมตัวนี้ค่ะ

Why must I have? : ครีมอะไรจะมหัศจรรย์ขนาดนี้ ต้องพิสูจน์ค่ะ เหมือนที่สาวๆหลายคนพิสูจน์มาแล้วและยกนิ้วให้!

 

 

Clinique 3 Step
ศาสตร์แห่งการดูแลผิว 3 ขั้นตอน เพื่อก้าวสู่การมีผิวสวย สุขภาพดี เพียงแค่ 3 นาที วันละ 2 ครั้ง ผ่านการทดสอบทางผิวหนังว่าไม่แพ้ และปราศจากน้ำหอม 100%
ผิวแห้งจะกลับชุ่มชื่นเรียบเนียน สิวที่เกิดจากความมันก็จะลดน้อยลง ริ้วรอยจะดูลดเลือน รูขุมขนดูกระชับขึ้น และสีผิวก็สม่ำเสมอมากขึ้นด้วย

Why must I have? : สาวๆที่กำลังประสบปัญหาผิว นี่คือสกินแคร์ที่อ่อนโยนกับผิว มั่นใจได้ว่าไม่แพ้

Review: L'occitane Olive Face Scrub Mud

แบ่งปัน

ด้วยภาระในชีวิตประจำวันที่แสนจะวุ่นวาย จนสาวๆอาจจะมีเวลาดูแลตัวเองน้อยไป การสครับและมาส์คหน้าที่ต้องอาศัยเวลา จึงอาจเป็นกิจกรรมที่สาวๆละเลยกันไป Olive Face Scrub Mud จาก L'Occitane เป็นตัวช่วยที่น่าจะนำไปพิจารณา เนื่องจากจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการบำรุงผิวไปได้มาก เพราะสามารถสครับและมาส์คได้พร้อมๆกัน

 

น้ำมันมะกอกมีสรรพคุณเป็นที่รู้กันอย่างดีว่าช่วยรักษาความชุ่มชื้นแห่งผิว รักษาสมดุลย์ของไขมันที่เคลือบผิวชั้นบน เสริมสร้างและบำรุงเซลผิว ทำให้ผิวมีความนุ่มละมุน เมื่อรวมเข้ากับน้ำมะกอกจึงเพิ่มสรรพคุณในการดูแลผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ขจัดสารพิษ และปกป้องผิวจากริ้วรอยและความชราของผิวที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ที่มาจาก "น้ำมะกอก" ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับสารต่อต้านริ้วรอยตัวใหม่ของโลกที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

 
Olive Face Scrub Mud มีเม็ดสครับจากเมล็ดมะกอกธรรมชาติบดละเอียด ต่างจากเม็ดสครับอื่นๆที่มาจากเม็ดสครับสังเคราะห์ จึงอ่อนโยน ไม่ระคายผิว และยังรู้สึกได้ว่าทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก หลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว ทำการสครับและพอกทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำมันมะกอกที่เป็นส่วนผสมหลักได้ซึมซาบเข้า สู่ผิว หลังล้างออกจะพบว่าผิวชุ่มชื่นขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องทาครีมบำรุงตามก็ยังได้ และที่อาจจะถูกใจหลายๆคนก็ตรงที่ เนื้อสครับจะคล้ายๆกับแป้งผสมน้ำจนข้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถล้างออกได้ง่ายมากๆด้วยน้ำเปล่าที่อุณหภูมิปกติ หมดกังวลเรื่องสิ่งตกค้างที่จะนำไปสู่ปัญหาสิวอุดตัน ไปได้เลย

สำหรับสาวๆผิวแห้ง สครับตัวนี้เหมาะมากๆที่จะให้ความชุ่มชื่นควบคู่ไปกั บผิวหน้าที่สะอาด ส่วนสาวๆผิวมันหรือผิวผสม สครับตัวนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิวมันมากขึ้น แต่กลับช่วยปรับสมดุลให้กับผิว กำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไปได้ สังเกตได้จากหลังการใช้อย่างต่อเนื่องรูขุมขนจะกระชั บและผิวเนียนละเอียดขึ้น และคงจะไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะส่วนผสมหลักจากมะกอกธรรมชาติ ปราศจากน้ำหอม ถ้าไม่ได้แพ้น้ำมันมะกอก ก็น่าจะใช้ได้อย่างสบายใจเช่นกัน

 

Special Price! L’occitane Olive Face Scrub Mud 100 ml. only ฿1,014

 

แบ่งปัน

เมคอัพสวยสู้ฝน

แบ่งปัน

ปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ เวลาฝนตก นอกจากเมคอัพสุดเนี้ยบที่แต่งไว้จะลบเลือนหรือเลอะเทอะแล้ว ทรงผมสวยๆก็อาจจะยุ่งเหยิงกลายเป็นยายเพิ้งได้ง่ายๆ วิธีการที่ดีที่สุดที่แนะนำคือ พกร่ม … อิอิ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือพกร่มแล้วก็ยังมีโอกาสที่เมคอัพจะลบเลือนได้ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า มาเสริมความมั่นใจด้วยวิธีการง่ายๆกันจ๊ะ

 

- อยากให้อายแชโดว์ติดทนขึ้น ลองใช้แปรงทาตาแตะน้ำนิดหน่อยก่อนป้ายอายแชโดว์ พยายามไล่ให้สีดูกลมกลืนมากที่สุด เพราะเมื่ออายแชโดว์เปียกน้ำ สีจะเข้มขึ้น และอาจจะดูไม่สม่ำเสมอได้ สำหรับลุคที่ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ คือ โทนสีน้ำตาล โดยไล้สีน้ำตาลอ่อนให้ทั่วเปลือกตา ตามด้วยน้ำตาลเข้มที่หางตาเล็กน้อย เพื่อดวงตากลมโตยิ่งขึ้น

 

- มาสคาร่าที่ว่ากันน้ำ บางทีก็เอาไม่อยู่บ่อยครั้ง ต้องเลือกดีๆนะคะ เลือกให้ชัวร์ว่ากันน้ำ กันเหงื่อ เวลาหน้ามันแล้วไม่ทำให้เป็นแพนด้าแน่นอน ส่วนใครก็ตามที่มีปัญหาขนตาไม่เด้ง การดัดขนตาช่วยได้ดี แต่ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อที่ดัดขนตาไฟฟ้าก็ได้ เทคนิคง่ายๆที่ใช้กันก็คือ วอร์มที่ดัดขนตาด้วยไดร์เป่าผมก่อนทำการดัด เอาแค่พออุ่นๆนะคะ ถ้าร้อนเกินไปเดี่ยวขนตาไหม้ หนังตาหลุดออกมาด้วยละแย่เลย อาจจะใช้วาสลีนลูบขนตาเล็กน้อยก่อนดัดด้วยก็ได้ เพื่อเซ็ทขนตาให้เด้งยิ่งขึ้น จากนั้นก็ปัดมาสคาร่าได้เลย

หรือไม่ก็พึ่งพาขนตาปลอมกันไปเลย หมดปัญหามาสคาร่าเลอะเทอะ แถมยังเด้งงอนงามได้ยาวนานตลอดทั้งวัน

 

- หน้าฝนมีปัญหาเรื่องกลิ่นอับของเสื้อผ้าจากความเปียกชื้น ป้องกันได้ด้วยการฉีดพรมน้ำหอมก่อนออกจากบ้าน เลือกกลิ่นที่ติดทนนานได้ทั้งวัน หรืออาจจะพกพาไปเติมความหอมระหว่างวันด้วยก็ได้

โลชั่นที่มีกลิ่นหอมก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง ได้ทั้งความชุ่มชื่นและความหอม ลองเลือกโลชั่นทามือกลิ่นที่ชอบติดกระเป๋าหรือโต๊ะทำงานไว้สักหลอดนึงนะคะ

 

- ทาลิปกลอสทับลิปสติกจะช่วยให้สีของลิปสติกติดทนนานยิ่งขึ้น ถ้าอยากให้ดูเนียน ต้องเลือกลิปกลอสสีใกล้เคียงกับลิปสติก หรือไม่การผสมกันของสีลิปทั้ง 2 ชนิด อาจจะได้สีสวยๆกว่าที่เคยเห็นก็ได้ 

 

อ้างอิง Woman Plus

อยากใส่คอนแทคเลนส์ เริ่มยังไงดี?

แบ่งปัน

กลายเป็นแฟชั่นกันไปแล้ว เดี๋ยวนี้ใครๆก็ใส่คอนแทคเลนส์เพิ่มความแบ๊วกันทั้งนั้นเลย สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใส่ หรือคนที่อยากลองมาใส่เลนส์บิ๊กอาย เลนส์แฟชั่นดูบ้าง มีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆที่จำเป็นก่อนจะเลือกซื้อหามาใส่กันค่ะ

 

เริ่มต้นจาก การวัดสายตา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำ โดยควรจะทำการตรวจวัดสายตาจากจักษุแพทย์เพื่อให้ทราบค่าสายตาก่อน เพราะเมื่อสั่งซื้อคอนแทคเลนส์ จำเป็นต้องระบุค่าสายตาเมื่อสั่งซื้อด้วยค่ะ สำหรับคนที่สายตาปกติ ค่าสายตาจะเท่ากับ 0 นั่นเอง

ค่าสายตาที่เหมาะสมกับการใส่คอนแทคเลนส์ คือ ค่าสายตาปัจจุบันที่วัดได้ หักลบด้วย 25 ถึง 50 เนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์จะใส่แบบสัมผัสโดยตรงกับดวงตา ซึ่งต่างกับการใส่แว่นที่ต้องเว้นระยะห่างจากดวงตา ดังนั้นเพื่อความชัวร์ เมื่อวัดสายตาแล้ว ให้ปรึกษากับจักษุแพทย์ไปเลยค่ะว่าถ้าจะใส่คอนแทคเลนส์ ค่าสายตาที่เหมาะสมของเราคือค่าไหน

ก่อนสั่งซื้อคอนแทคเลนส์ให้ ตรวจความพร้อมของดวงตา ว่าไม่มีการติดเชื้อ หรือเคยมีการแพ้สารเคมีบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นส่วนประกอบในคอนแทคเลนส์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหากับดวงตาหลังสวมใส่

อย่าลืม เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับล้างทำความสะอาดและเก็บรักษาคอนแทคเลนส์ที่ซื้อมาด้วยนะคะ

3 ข้อง่ายๆแค่นี้เองในการเตรียมพร้อมสำหรับการใส่คอนแทคเลนส์ แต่สิ่งต่อไปที่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับการเลือกซื้อคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับดวงตาของเราก็คือ ค่าคุณสมบัติต่างๆของคอนแทคเลนส์

 

ในปัจจุบันเลนส์ที่นิยมใส่กันในปัจจุบันเป็นชนิด Soft Lens ทำมาจากสารโพลีเมอร์ poly hydroxyethyl methacrylate (pHEMA) ซึ่งอุ้มน้ำได้ดี นิ่มและออกซิเจนผ่านได้ดี อายุใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี

DIA หรือ Diameter คือ เส้นผ่าศูนย์กลางของเลนส์ โดยปกติจะอยู่ที่ 14.0 – 14.5 แต่การที่จะใส่เลนส์ออกมาแล้วตาโตหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นกับขนาด DIA นะคะ จะต้องดูที่ลายของเลนส์ค่ะ

B.C. หรือ Base Curve Radius คือ ค่าความโค้งของเลนส์ ปกติจะอยู่ระหว่าง 8.00 – 10.00 ถ้าค่ายิ่งมาก แสดงว่าเลนส์จะแบนมากขึ้น เวลาเลือกก็ควรจะเลือกค่า B.C. ที่เหมาะกับรูปตาของเรา (ปรึกษาจักษุแพทย์ตั้งแต่เริ่มต้นวัดสายตาค่ะ) หากใส่เลนส์ที่ไม่พอดี ก็จะหลวมเกินไปหรือคับเกินไป ไม่สบายดวงตาได้ค่ะ

Water Content หรือ ค่าอมน้ำ (%) คือ ความสามารถในการอุ้มน้ำของเลนส์ และการยอมให้ออกซิเจนผ่าน ถ้าค่ายิ่งมากก็จะช่วยในเรื่องของลดอาการตาแห้งและการระคายเคืองตาได้ดี   แต่เนื้อเลนส์ก็จะบอบบางและรักษาความสะอาดได้ยาก เช่น คอนแทคเลนส์รายเดือนหรือรายวัน มีค่าอมน้ำ 59% – 66% สำหรับคอนแทคเลนส์รายปี จะมีค่าอมน้ำที่ 38% – 42%

ใส่คอนแทคเลนส์แล้ว ก็มีโอกาสที่จะแพ้เหมือนกันนะคะ อาการแพ้จะเกิดจากวัสดุที่ใช้ทำเลนส์ ซึ่งอาการแพ้ที่พบบ่อยๆ ได้แก่ ระคายเคืองตา มีขี้ตามาก และเจ็บตา ดังนั้นควรสังเกตอาการเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ด้วยนะคะ หากมีอาการข้างต้น ก็ให้เลิกใช้ และอย่าลืมจดชื่อวัสดุที่ใช้ทำเลนส์ไว้ด้วย เพื่อจะได้ไม่ซื้อมาใช้ให้เกิดอาการแพ้อีกในครั้งหน้าค่ะ

อ้างอิง Favlens.com

Review : L’occitane Rice Purifying

แบ่งปัน

เป็นที่รู้กันว่า “ข้าว” เป็นยอดอาหารที่อุดมคุณค่าไม่เฉพาะแต่เป็นอาหารเท่านั้น ข้าวยังนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวด้วย ซึ่งคุณสมบัติหลักๆของข้าว คือ ควบคุมความมัน และทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน

เซ็ทข้าวของ L’Occitane ทำมาจากข้าวซ้อมมือ (Red Rice) ของเมือง Camargue ในแคว้นโพรวองซ์  ซึ่งเหมาะมากสำหรับผิวผสมและผิวมัน เพราะช่วยเรื่องขจัดและควบคุมความมันได้ดีจริงๆ ที่เราใช้จะมีด้วยกัน 4 ชิ้น คือ Foming Rice Cleanser, Purifying Rice Toner, Ultra Matte Face Fluid และ Exfloliating Rice Powder ซึ่งก็ครบชุดเลย

มาเริ่มจากโฟมล้างหน้า Foming Rice Clenser เป็นครีมข้นๆที่พอขยี้กับมือแล้วให้ฟองมาก ฟองละเอียด และก็หอมแบบกลิ่นข้าวธรรมชาติจริงๆ ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดก็ยอดเยี่ยม ไม่ลื่นติดผิว และหน้าไม่แห้งตึง รู้สึกว่าหน้าชุ่มชื่นขึ้นด้วย ตัวแพคเกจเป็นแบบหัวปั๊มใช้สะดวก แต่ด้วยปริมาณที่มากและใช้แค่ครั้งละนิด ทำให้การใช้ไม่สมดุลกับชิ้นอื่นๆ จากที่ใช้มา โฟมล้างหน้า 1 ขวด โทนเนอร์และมอยเจอร์ไรเซอร์จะหมดไปแล้วอย่างละ 3 ขวด

หลังจากทำความสะอาดใบหน้าแล้ว ก็เช็ดตามด้วย Purifying Rice Toner ซึ่งจะเห็นผงข้าวกองรวมกันอยู่ด้านล่าง ต้องเขย่าก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อให้ผงข้าวผสมกับน้ำในขวด ชิ้นนี้ก็ปลื้มอีก เพราะไม่มีแอลกฮอล์ หอมข้าวสุดๆ และอ่อนโยนกับผิวมากๆ

มาถึงชิ้นที่ปลื้มที่สุด Ultra Matte Face Fluid ที่ช่วยควบคุมความมันได้ดีที่สุดตั้งแต่ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์มาหลายยี่ห้อ เนื้อโลชั่นบางเบามาก ทาแล้วซึมลงผิวง่าย ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะไว้ ไม่อุดตันรูขุมขน และใช้ไปเรื่อยๆผิวหน้าก็ละเอียดขึ้นด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะดีไปซะหมด ขอติตรงที่ขวดเล็กมากมาย แค่ 30 ml. เท่านั้น จิ๋วจริงๆ ใช้หมดเร็วมาก  และราคาก็สูงไปหน่อย เวลาใกล้จะหมดก็แทบจะขูดออกมาใช้เลยแหละ เพราะถ้าเทียบราคา / ml. แล้ว ตกอยู่ที่ราวๆ 55-60 บาทเลยทีเดียว…แม่เจ้า!!!

สำหรับ Exfloliating Rice Powder สครับที่เป็นผงข้าวนั้น ถ้าได้ลองใช้คิดว่าต้องชอบกันแน่ๆ เพราะมันคือผงข้าวจริงๆ แต่บดละเอียดมากๆ ไม่ระคายผิว ผสมกับน้ำนิดนึงจะเปลี่ยนเป็นเนื้อเนียนๆใช้ขัดผิวหน้าได้ง่าย ผิวจะขาวและใสขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่สะอาดขึ้นด้วย แต่ที่ไม่ปลื้มเลยจริงๆก็คือ แพคเกจที่เป็นกระปุกกระดาษ ทำให้มันชื้นเร็วมาก และจับตัวเป็นก้อน ก็เลยไม่กล้าใช้ขัดหน้า เพราะไม่ชัวร์ว่ามันจะมีเชื้อรารึเปล่า แต่ก็เอาไปขัดตัวแทนซะ…ด้วยความเสียดาย

ส่วนตัวใช้เซ็ทนี้แล้วดีมากๆ ไม่แพ้และเห็นว่าผิวดีขึ้นจริงๆ แต่ตอนนี้ก็กำลังลองใช้สกินแคร์ข้าวหอมมะลิของไทยที่เพิ่งจะได้รับมา ซึ่งก็น่าจะให้ผลดีไม่แพ้กัน ในราคาที่ต่างกันลิบลับ แต่ยังไม่กล้าคอนเฟิร์มนะ ต้องใช้เวลาทดลองอีกซักระยะ :) ถ้าคุณภาพเทียบเคียงกันได้ รับรองว่า..เฮ…

NARS : New Arrival (Fall 2009)

แบ่งปัน

น้องNARSออกคอลเลคชั่นใหม่มายั่วใจสาวๆกันอีกแล้ว คราวนี้มาในคอนเซปส์ของสาวที่ทันสมัย มั่นใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความไร้เดียงสา อ๊ะ…เป็นยังไงกัน??? มาดูรูปนางแบบที่เป็นพรีเซนเตอร์กันเลย

 

คอลเลคชั่นนี้จะใช้สีม่วงเข้ามาเป็นสีหลัก ซึ่งปรากฎให้เห็นในไอเท็มชิ้นใหม่ล่าสุด ที่จะเสริมสร้างความมีเสน่ห์ ชวนมอง และดูทันสมัยให้กับสาวๆ ซึ่งไอเท็มที่ใช้แต่งหน้าให้กับนางแบบในครั้งนี้ ได้แก่ Fast Ride, Silk Road Duo Eyeshadow, Mekong Single Eyeshadow และทาเล็บด้วย Tokaido Express

 

 

เริ่มจากลิปสติกสีม่วงพลัม Fast Ride ดูจากรูปจะเห็นว่าสีเข้มทะมึนมากๆ แต่พอทาแล้วสีจะเป็นม่วงองุ่นอย่างที่เห็นในภาพ  ความเห็นของผู้ใช้ลิปสติกของนาร์สที่น่าสนใจก็คือ เหมาะมากสำหรับสาวผิวแห้ง เพราะเนื้อลิปชุ่มชื่นและทำให้ปากเรียบเนียนสุดๆ และไม่มันวาวจนเกินไป ถ้าอยากจะได้ลุคของนางแบบหรือเซเลบ ลิปสติกของนาร์สเนี่ยแหละใช่เลย!

 

 

Silk Road Duo Eyeshadow คู่ผสมระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย สีชมพูเยือกเย็นเข้าคู่กับสีกุหลาบประกายทองอันอบอุ่นได้อย่างลงตัว เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ของจักรพรรดินีไบแซนไทนในยุคโบราณและสาวไอทีที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน จะเห็นว่าเบลนด์สีออกมาได้สวยดี

 

แต่สีที่ถูกใจเรามากๆคือ Indian Summer ออกแนวทองๆ ซึ่งดูแล้วน่าจะสามารถเบลนด์กับสีน้ำตาลหรือสีชมพูได้สวยมากๆ

 

Mekong Single Eyeshadow สีดำเข้มของกาแฟเอสเปรสโซแวววาวด้วยสีทองกุหลาบเป็นการผสมผสานความแตกต่างเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถทาให้ทั่วเปลือกตาเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ หรือทาบางๆ เพื่อเพิ่มความเก๋ไก๋ตามแฟชั่น

 

ปิดท้ายด้วยสีทาเล็บที่สวยมากๆ Tokaido Express ซึ่งได้ชื่อมาจากรถไฟของญี่ปุ่นนั่นเอง สำหรับสาวๆที่ชอบทาเล็บสีเข้มๆหรือสีดำ ลองเปลี่ยนมาใช้สีม่วงอเมทิสประกายทองขวดนี้ดูบ้าง น่าจะเพิ่มความเก๋ไก๋และดูมีสไตล์มากขึ้น

 

ที่มา MSN Thailand

 

แบ่งปัน